วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นอสตราดามุส เมืองไทย

โสรัจจะ นวลอยู่

ภัยพิบัติจะเกิดทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลกระทบหนัก
นาย โสรัจจะ นวลอยู่ นอสตราดามุส เมืองไทย เคยพยากรณ์เอาไว้ว่า  การโคจรของดวงดาวในปีเถาะ  2554  นี้ เป็นสิ่งวิปริตผิดอาเพศมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างใหญ่หลวง
ปี  2554  นี้ ทางการเมืองที่ว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์นั้นยังถือว่าน้อยกว่ามหัตภัยที่ใหญ่ กว่ามากหลายร้อยเท่าตัว ก็คือ จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติสุดมหาหฤโหดไปทั่วโลก  ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทุกสิ่งทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“น้ำในแม่น้ำและคลองทั้งปวงจะแดงเป็นโลหิต  เมฆและท้องฟ้าจะแดงเป็นแสงไฟ  แผ่นดินไหวสั่นสะเทือน  ฤดูหนาวจะเป็นฤดูร้อน  ที่ลุ่มจะกลับดอน ที่ดอนจะกลับลุ่ม  โรคภัยจะเบียดเบียนสัตว์และมนุษย์ทั้งปวง  มนุษย์หนึ่งในสี่ของโลกจะพลันตายลง  จะเกิดข้าวยากหมากแพง ฝูงมนุษย์จะอดอยาก  เสื้อเมืองทรงเมืองจะหลีกเลี่ยง”
แต่ยังไม่ถึง “วันสิ้นโลก” ในวันที่ 12   ธ.ค. 2555  แค่ในปี  2554  นี้ก็อ่วมอรทัยไปซะก่อนแล้ว
การโคจรของดวงดาวและดาวพระเคราะห์ในปีนี้ไม่เป็นไปตามกำหนด จัดเป็นวิกล จะเกิดแผ่นดินไหว กัมปนาทไปทั่ว เหมือนแผ่นดินจะแตกแยกออกทุกหัวระแหง
ทั่วโลกจะถูกทำลายด้วยไฟประลัยกัลป์  ฝนจะตกเป็นเวลายาวนาน ความแห้งแล้งจะแผ่ขยายไปในวงกว้างมากขึ้น จะเกิดทะเลทรายขนาดใหญ่ไปทั่ว  มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ทั้งหลายจะเหี่ยวแห้งและตายเป็นจำนวนมาก
จากการลิขิตจากดวงดาวในอนาคตที่โลกจะสิ้นสูญไป โลกเราคงไม่แตกสลายหรือสิ้นไปจากอุกาบาตพุ่งชนโลกหรอก  แต่จะเกิดจากไฟของมนุษย์เรานี่เอง
ไฟที่ว่านั้นก็คือไฟแห่งกิเลสตัณหา กำลังแผดเผาไหม้ให้ย่อยยับไปทุกๆ วันเวลา
เพราะในปัจจุบันมนุษย์ในโลกนี้เต็มไปด้วยการทำความชั่วและเต็มไปด้วยสิ่ง เลวร้าย  การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น กอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง  ขาดความรักความเมตตาที่มีต่อกันและต่อสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง  และมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ  ดังนั้นจะถูกธรรมชาติและสวรรค์ลงโทษอย่างมหันต์อีกเช่นกัน
เพราะจากปี 2554  เป็นต้นไป ดวงดาวจะเดินผิดปกติไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  ทางโหราศาสตร์ไทยสามารถตีความหมายไปได้ อย่างเช่น
ในปี 2554  นี้ เมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ในซีกโลกตอนเหนือเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นทะเลยักษ์ จะฆ่าชีวิตคนเป็นล้านคน
ดาวเสาร์ตั้งฉากกับพระราหูและพระราหูตั้งฉากกับมฤตยู จะทำให้ท้องฟ้าจะแปรปรวน ดวงอาทิตย์ ดวงดาว จะไม่ส่องแสงเหมือนเคย ลมฟ้าอากาศวิปริตและโลกจะร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว
อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ของโลก บ่งชี้ว่าสภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นรวดเร็ว ประกอบกับธารน้ำแข็งใหญ่บริเวณขั้วโลกเหนือละลายเร็วขึ้น ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในทุกๆ ที่ และเกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกครั้งใหญ่  เกิดภัยพิบัติต่อประชากรมนุษย์และระบบนิเวศ
อิทธิพลจากการที่ดาวเสาร์เล็งมฤตยูปีนี้จะทำให้เกิดการพลิกตัวของแกนโลก จากเดิมไปเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลก กับสภาพแวดล้อมต่างๆ ของโลก อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงและฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่เราไม่สามารถระบุฤดู กาลลงไปได้อย่างแน่นอนกันอีก สภาพอากาศและฤดูกาลผิดเพี้ยนไปหมด ประเทศไทยที่เคยร้อนก็กลับมีอากาศหนาวเย็นจนหิมะตกลงมา
อิทธิพลของดวงดาวทั้งสอง ยังส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ สลับขั้วกันระหว่างพื้นที่ที่เคยฝนตกชุกก็จะเกิดความแห้งแล้ง  ส่วนพื้นที่ที่เคยแห้งแล้งนั้นก็จะกลับมีฝนตกชุก สร้างความเสียหายกับพื้นที่เพาะปลูก นำมาซึ่งอุทกภัยยาวนานตลอดทั้งปี  2554  นี้ หรือไม่ก็เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งซึ่งนำความอดอยาก ทำให้ผู้คน เด็ก ผู้หญิง ต้องหิวโหยและล้มตาย
ในปีเถาะสุดโหดจะ เกิดปรากฏการณ์ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่ม และคลื่นยักษ์สึนามิบ่อยครั้ง และถี่มากขึ้นกว่าที่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ทางภูมิศาสตร์ของโลก ตั้งแต่  1, 000  ปีที่ผ่านมาก็ว่าได้
น้ำแข็งบริเวณทวีปอาร์กติก และแอนตาร์กติกา จะเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว คือในปี   2554  นี้ ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นจำนวนมากและเพียงพอที่จะทำให้เมืองใหญ่ๆ ตามชายฝั่งทะเลทั่วโลกจมอยู่ใต้น้ำได้ รวมถึงประเทศไทยจะเริ่มมีน้ำท่วมเกิดจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย และเข้าท่วมมาถึงกรุงเทพฯ  บางส่วนเป็นนครใต้บาดาลชั่วนิจนิรันดร์
และในอนาคตไม่กี่ ปีข้างหน้า กรุงเทพฯ และทั่วทุกภาคทุกจังหวัดจะถูกน้ำท่วมไปหมด ที่เกิดจากน้ำทะเลไหลทะลักเข้ามาและเกิดจากอุทกภัยอีกหลายครั้งจนต้องอพยพ ผู้คนหนีน้ำขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ เกือบสุดเขตแดนไทย  เมื่อนั้นคนไทยก็คงไร้สิ้นแผ่นดินได้?

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนออนไลน์

นอสตราดามุส ทำนายดวงชะตาโลก ถึงปี 3797 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่


                    

2008 - ผู้นำ 4 ประเทศถูกลอบสังหาร กรณีพิพาทในอินโดสถาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3

2010 - เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 ( พฤศจิกายน 2010 - ตุลาคม 2014 ) ตอนแรกก็ใช้อาวุธธรรมดา ต่อมาก็ตามด้วยนิวเคลียร์และอาวุธเคมี การนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ ทำให้ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นพวกมุสลิม จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี

2016 - ยุโรปแทบจะร้างผู้คน

2018 - จีนเป็นมหาอำนาจของโลกรายใหม่ประเทศกำลังพัฒนากลับกลาย
จากประเทศผู้ถูกกดขี่มาเป็นผู้กดขี่เสียเอง

2023 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

2028 - เกิดแหล่งพลังงานใหม่ (คาดว่า น่าจะเป็น เทอร์โมนิวเคลียร์ รีแอ็คชั่น ) โลกเริ่มเอาชนะปัญหาความอดอยากได้ มนุษย์เริ่มเดินทางไปยังดาวศุกร์
2033 - น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น

2043 - เศรษฐกิจโลกรุ่งเรือง มุสลิมปกครองยุโรป

2046 - มนุษย์ปลูกอวัยวะได้ทุกอย่าง การเปลี่ยนอวัยวะ เป็นวิธีการรักษาโรคที่ดีที่สุด

2066 - สหรัฐโจมตีกรุงโรมของพวกมุสลิมด้วยอาวุธใหม่ คืออาวุธสภาพอากาศ ซึ่งทำให้อากาศหนาวเย็นลง
2076 - สังคมไร้ชนชั้น (คอมมิวนิสต์)

2084 - ธรรมชาติได้รับการฟื้นฟู

2088 - เกิดโรคใหม่ โรคแก่ติดจรวด (แก่ในไม่กี่วินาที)

2097 - เอาชนะโรคแก่ติดจรวดได้

2100 - ดวงอาทิตย์เทียมให้แสงส่างกับโลกส่วนที่มืด

2111 - มนุษย์ กลายเป็นมนุษย์ไซบอร์ก (หุ่นยนต์มีชีวิต)

2125 - โลกได้รับสัญญาณจากอวกาศ

2130 - โลกไปตั้งอาณานิคมใต้น้ำ (จากคำแนะนำของมนุษย์ต่างดาว)

2164 - สัตว์ กลายเป็นสัตว์กึ่งมนุษย์

2167 - เกิดศาสนาใหม่

2183 - อาณานิคมบนดาวอังคารมีอาวุธนิวเคลียร์ และต้องการเป็นเอกราชจากโลก

2187 - โลกหยุดยั้งการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ 2 ลูก

2195 - อาณานิคมใต้น้ำ เลี้ยงตัวเองได้โดยสมบูรณ์ ทั้งอาหารและพลังงาน

2196 - ชาวเอเชียผสมกับชาวยุโรปโดยสมบูรณ์

2221 - ในการติดตามหาชีวิตนอกโลก มนุษย์ต้องเจอกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัว

2256 - ยานอวกาศนำโรคร้ายกลับมายังโลก

2262 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดาวหางเกือบชนดาวอังคาร

2273 - การผสมปนเปกันของคนผิวขาว ผิวเหลือง และผิวดำ ก่อเกิดเป็นคนสีผิวใหม่

2279 - พบพลังที่ไม่ได้มาจากอะไรเลย (คาดว่าอาจจะมาจากสภาพสูญญากาศ หรือไม่ก็หลุมดำ )
2288 - มีการเดินทางไปกับกาลเวลา การติดต่อครั้งใหม่กับมนุษย์ต่างดาว

2291 - ดวงอาทิตย์เริ่มเย็นลง มีความพยายามที่จะจุดมันขึ้นมาใหม่

2296 - เกิดระเบิดครั้งใหญ่บนดวงอาทิตย์ สถานีอวกาศและดาวเทียมเก่าเริ่มตก

2299 - ในฝรั่งเศสเกิดการจลาจลต่อต้านมุสลิม

2302 - เปิดกฏใหม่เรื่องความลับของจักรวาล

2304 - พบความลับของดวงจันทร์

2354 - เกิดความผิดพลาดกับดวงอาทิตย์เทียม ก่อให้เกิดความแห้งแล้ง

2371 - เกิดปัญหาความอดอยากครั้งใหญ่

2480 - ดวงอาทิตย์เทียม 2 ดวงชนกัน

3005 - สงครามบนดาวอังคาร

3010 - ดาวหางชนดวงจันทร์ เศษซากที่กระจาย พากันโคจรรอบโลก

3797 - ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือบนโลกแต่มนุษย์ได้ไปวางสิ่งจำเป็นพื้นฐาน
สำหรับการดำรงชีวิตบนดาวดวงอื่นแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เครื่องมือทางภูมิศาสตร์

เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ อาจจำแนกกว้างๆ ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
     กลุ่มที่ให้ข้อมูลภูมิศาสตร์ เช่น แผนที่ ลูกโลก ข้อมูลสถิติ แผนภาพ
     กลุ่มที่ใช้หาข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เช่น เข็มทิศ เครื่องวัดระยะทางในแผนที่ เครื่องมือวัดพื้นที่ กล้องสามมิติ บารอมิเตอร์ เทอร์โมมิเตอร์ ไซโครมิเตอร์ ไฮโกรมิเตอร์ มาตรวัดลม เครื่องวัดน้ำฝน
     เครื่องมือเหล่านี้เราควรนำมาศึกษาให้เข้าใจ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาภูมิศาสตร์
1. เครื่องมือที่ให้ข้อมูลทางภูมิศาสตร์

    1.1 ลูกโลก (globe)
     ลูกโลก คือ หุ่นจำลองของโลก สร้างด้วยวัสดุต่างๆ เช่น กระดาษ ยาง พลาสติก เพื่อใช้ในการศึกษาภูมิศาสตร์ ลูกโลกช่วยให้มองเห็นภาพรวมของโลก ต่างจากแผนที่ที่ให้ข้อมูลในเชิงพื้นราบ โลกมีรูปร่างคล้ายผลส้ม
     ลูกโลกแบ่งได้เป็น 2 แบบแบบแรก คือ ลูกโลกที่แสดงส่วนที่เป็นพื้นผิวโลก เช่น แสดงส่วนที่เป็นพื้นน้ำ ได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร แสดงส่วนที่เป็นพื้นดิน ได้แก่ เกาะ ทวีป ประเทศ แบบที่สอง คือ ลูกโลกที่แสดงโครงสร้างภายในเปลือกโลก
     1.2 ข้อมูลสถิติ
     ข้อมูลสถิติ เป็นข้อเท็จจริงสำหรับใช้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ข้อมูลที่รวบรวมไว้มีทั้งที่เป็นข้อความและตัวเลข ในทางภูมิศาสตร์นิยมแสดงข้อมูลสถิติไว้ 2 รูปแบบ ได้แก่
          1) ตารางสถิติ คือ แผนภูมิที่แสดงข้อมูลทางภูมิศาสตร์ไว้ในรูปของตาราง เช่น สถิติเนื้อที่ของทวีปหรือประเทศ สถิติประชากร สถิติอุณหภูมิหรือปริมาณน้ำฝนของบริเวณใดบริเวณหนึ่ง
          2) กราฟและแผนภูมิ เขียนขึ้นเพื่อแสดงการเปลี่ยนค่าของตัวแปรหนึ่งเปรียบเทียบกับค่าของตัวแปรอื่น เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการศึกษาภูมิศาสตร์ เพราะจะช่วยให้การวิเคราะห์ความแตกต่างของข้อมูลที่นำมาใช้มีความรวดเร็ว การเปรียบเทียบอัตราส่วนข้อมูลทำได้สะดวก และเข้าใจได้ง่าย มีหลายแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟรูปแท่ง แผนภูมิรูปภาพ แผนภูมิรูปทรงกลม


     3) แผนภาพ (diagram)
     แผนภาพคือ รุปที่เขียนขึ้นเพื่อประกอบคำอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์ ทั้งนี้เพราะเรื่องราวทางภูมิศาสตร์บางอย่างเกิดขึ้นในอดีต เช่น การเกิดที่ราบ การทับถมของหินชั้น และปรากฏการณ์บางอย่างที่มองไม่เห็น เช่น วัฏจักรของน้ำ การเกิดลมบก-ลมทะเล การใช้แผนภาพอธิบายจะทำให้เข้าใจเรื่องราวเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น




 2. เครื่องมือที่ใช้หาข้อมูลทางภูมิศาสตร์
     2.1 เข็มทิศ (compass)
     เข็มทิศเป็นเครื่องมือพื้นฐานอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาภูมิศาสตร์ เป็นอุปกรณ์ที่นำมาใช้หาทิศทาง เข็มทิศมีหลายชนิดและหลายรูปแบบ แต่มีหลักการในการทำงานเหมือนกัน คือ เข็มบอกทิศ(เข็มแม่เหล็ก) ซึ่งแกว่งไกวได้อิสระ จะทำปฏิสัมพันธ์กับแรงดึงดูดของขั้วแม่เหล็กโลก โดยปลายข้างหนึ่งของเข็มบอกทิศจะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ และส่วนปลายอีกข้างหนึ่งจะชี้ไปทางทิศใต้เสมอ
     2.2 เครื่องมือวัดระยะทางในแผนที่ (map measurer) เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับวัดระยะทางคดเคี้ยวไปมา และทำให้ค่าความคาดเคลื่อนน้อย ลักษณะของเครื่องมือประกอบด้วยลูกกลิ้งที่ปลายติดกับล้อที่เป็นหน้าปัดแสดงระยะทาง บนหน้าปัดมีเข็มเล็กๆคล้ายเข็มนาฬิกา เข็มจัวิ่งไปตามระยะที่ลูกกลิ้งหมุนไปมีด้ามสำหรับจับ
วิธีใช้ ใช้นิ้วหมุนลูกกลิ้งด้านหน้าให้เข็มบอกระยะทางเลื่อนไปที่ค่าศูนย์ วางเครื่องมือที่จุดเริ่มต้นวัดระยะทาง โดยถือให้ด้ามเอียง 45 องศากับแผนที่ และหันหน้าปัดเข้าหาตัว กลิ้งลูกกลิ้งไปตามเส้นทางที่ต้องการวัดจนถึงจุดสุดท้ายแล้วจึงอ่านค่าจากหน้าปัด
     2.3 เครื่องมือวัดพื้นที่ (planimeter) เครื่องมือวัดพื้นที่เป็นอุปกรณ์สำหรับหาพื้นที่ของรูปบนพื้นที่ระนาบ ซึ่งมีเส้นรอบรูปเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้ง ส่วนประกอบของเครื่องมือได้แก่
          1) เลนส์ขยาย (tracer lens) ซึ่งมีจุดสีแดงหรือดำ (บางชนิดใช้เข็มแหลมแทนจุด) อยู่ตรงกลางเลนส์ เพื่อใช้เป็นจุดสังเกตขณะลากจุดหรือเข็มผ่านเส้นขอบพื้นที่ที่ต้องการหา
          2) แขนของเลนส์ขยาย (tracer arm) เป็นแขนที่สามารถปรับความสั้น-ยาวได้ตามมาตราส่วนของแผนที่ที่ใช้
          3) ก้อนถ่วงน้ำหนัก (anchor) เป็นก้อนน้ำหนักเพื่อถ่วงไม่ให้จุดที่วางเกิดการเคลื่อนที่
          4) แขนที่ต่อจากจุดศูนย์กลางของก้อนถ่วงน้ำหนัก (anchor arm)
          5) ล้อและมาตราวัดพื้นที่ (roller) เป็นส่วนที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือถอยหลังได้ในขณะที่แขนของเลนส์ขยายกางออกหรือหุบเข้าในขณะที่ลากจุดหรือเข็มของเลนส์ขยายลากผ่านเขตพื้นที่ที่ต้องการหา
     วิธีใช้ วางก้อนถ่วงน้ำหนักไว้ในตำแหน่งนอกรูปพื้นที่ที่จะหา โดยให้สามารถลากจุดหรือเข็มที่เลนส์ขยายผ่านเขตพื้นที่ (เส้นรอบรูป) ที่ต้องการวัดพื้นที่ได้สะดวก เมื่อจุดหรือเข็มเคลื่อนที่ไป แขนของเลนส์ขยายจะหุบเข้าหรือกางออก ส่งผลให้ล้อและมาตรวัดพื้นที่เคลื่อนที่ ซึ่งมาตรวัดพื้นที่จะแสดงค่ามาตรฐานของพื้นที่ที่วัดได้ และเมื่อจุดหรือเข็มถูกลากมาบรรจบในจุดเริ่มต้นมาตรวัดพื้นที่จะคำนวณระยะที่ผ่านออกมาเป็นค่าพื้นที่และแสดงค่าที่วัดได้บนหน้าปัด
     2.4 กล้องสามมิติ (stereoscope) เป็นเครื่องมือสำหรับมองภาพสามมิติ กล่าวคือ สามารถมองความสูง-ต่ำของภูมิประเทศในลักษณะสามมิติ ประกอบด้วยเลนส์ 2 อัน ซึ่งสามารถปรับให้เท่ากับระยะห่างของสายตาผู้มองได้ ในการมองจะต้องวางภาพให้อยู่ในแนวเดียวกันและต้องเป็นภาพที่ทำการถ่ายต่อเนื่องกัน ซึ่งแต่ละภาพจะมีรายขอบที่ทับกันหรือซ้อนกัน โดยพื้นที่ของภาพในแนวนอนให้ชายขอบของภาพมีพื้นที่ทับซ้อนกันประมาณร้อยละ 60 และในแนวตั้งร้อยละ 20 กล้องสามมิติที่นิยมใช้กันมี 2 ชนิดคือ กล้องสามมิติแบบพกพา (poket stereoscope) สามารถนำติดตัวไปใช้ได้ง่าย แต่ดูภาพได้บริเวณแคบๆ ส่วนอีกชนิดหนึ่ง คือ กล้องสามมิติแบบกระจกเงา (mirror atereoscope) โดยใช้กระจกเงาสะท้อนภาพทำให้เห็นได้เป็นบริเวณกว้างกว่ากล้องสามมิติแบบพกพา
     วิธีใช้ วางภาพถ่ายคู่ที่มีหมายเลขเรียงลำดับกันลงบนพื้นราบ โดยให้รายละเอียดส่วนที่ของภาพที่ซ้อนทับกันให้อยู่ในแนวเดียวกัน แผ่นภาพอยู่ห่างกันประมาณ 6 เซนติเมตร วางกล้อมสามมิติลงบนภาพถ่าย เลื่อนแผ่นภาพที่ซ้อนทับด้านบนไปทางขวาหรือทางซ้าย เพื่อให้รายละเอียดที่ต้องการอยู่ในระยะสายตา จนกระทั่งมองเห็นภาพเป็นสามมิติตามที่ต้องการ

     2.5 บารอมิเตอร์ (barometer) เป็นเครื่องมือวัดความกดอากาศที่ใช้มากมี 3 ชนิด คือ
           1) บารอมิเตอร์แบบปรอท (mercury barometer) เป็นบารอมิเตอร์มาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไป หน่วยที่ใช้วัดความกดของอากาศ คือ มิลลิเมตรของปรอท และมิลลิบาร์
           2) บารอมิเตอร์แบบตลับ หรือแบบแอนิรอยด์ (aneroid barometer) ประกอบด้วยตลับโลหะบางๆ ที่สูบอากาศออกเกือบหมด ตรงกลางตลับมีสปริงต่อไปยังคานและเข็มชี้ เมื่อความกดอากาศเปลี่ยนแปลงตลับโลหะจะพองหรือแฟบลง ทำให้สปริงดึงเข็มชี้ที่หน้าปัดตามความกดอากาศ
           3) บารอกราฟ (barograph) ใช้หลักการเดียวกันกับบอรอมิเตอร์แบบตลับ แต่ต่อแขนปากกาให้ไปขีดบนกระดาษกราฟที่หุ้มกระบอกหมุนที่หมุนด้วยนาฬิกา จึงบันทึกความกดอากาศ
    
     2.6 เทอร์โมมิเตอร์ (thermometer) เป็นเครื่องมือวัดอุณหภูมิอากาศ ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมีดังนี้
           1) เทอร์โมมิเตอร์ธรรมดา (ordinary thermometer) ที่ใช้กันเสมอในการตรวจวัดอุณหภูมิประจำวัน คือ เทอร์โมมิเตอร์ธรรมดาชนิดปรอทบรรจุอยู่ในหลอดแก้ว สามารถวัดอุณหภูมิได้อยู่ระหว่าง -20 ถึง 50 องศาเซลเซียส
2) เทอร์โมมิเตอร์สูงสุด (maximum thermometer) คือเทอร์โมมิเตอร์ชนิดปรอทบรรจุอยู่ในหลอดแก้วเช่นเดียวกับเทอร์มิเตอร์ธรรมดา แต่แตกต่างกันตรงที่ว่าบริเวณลำเทอร์โมมิเตอร์เหนือกระเปาะบรรจุปรอทขึ้นมาเล็กน้อยจะเป็นคอคอดป้องกันปรอทที่ขยายตัวแล้วไหลกลับลงกระเปาะ ใช้วัดอุณหภูมิสูงสุด
3) เทอร์โมมิเตอร์ต่ำสุด (minimum thermometer) คือเทอร์โมมิเตอร์ชนิดเอทิลแอลกอฮอล์บรรจุในหลอดแก้ว มีก้านชี้รูปดัมบ์เบลล์ ยาวประมาณ 2 เซนติเมตรบรรจุอยู่ ใช้วัดอุณหภูมิต่ำสุด
          4) เทอร์โมมิเตอร์แบบซิกซ์ (six's thermometer)ลักษณะเป็นหลอดแก้วรูปตัวยู ภายในบรรจุปรอทและแอลกอฮอล์ มีก้านชี้โลหะรูปดัมบ์เบลล์อหยู่ในหลอดข้างละ 1 อัน หลอดทางซ้ายบอกอุณหภูมิต่ำสุด หลอดทางขวาบอกอุณหภูมิสูงสุด อ่านอุณภูมิจากขอบล่าง
     5.เทอร์โมกราฟ (thermograph) เป็นเครื่องมือบันทึกอุณหภูมิแบบต่อเนื่อง ที่นิยมใช้มีอยู่ 2 แบบ คือ เทอร์โมกราฟแบบโลหะประกบ ปกติจะนำไปรวมกับไฮโกรกราฟเป็นเครื่องเดียวกันเรียกว่า เทอร์โมไฮโกรกราฟ ส่วนอีกแบบหนึ่งเรียกว่าเทอร์โมกราฟชนิดปรอทบรรจุในแท่งเหล็ก เครื่องมือชนิดนี้สามารถวัดอุณหภูมิของดินได้ด้วย
         
        2.7 ไซโครมิเตอร์ (psychormeter)เป็นเครื่องมือสำหรับใช้วัดความชื้นสัมพัทธ์และจุดน้ำค้างในอากาศ ประกอบด้วย เทอร์โมมิเตอร์ 2 อัน อันหนึ่งเรียกว่าเทอร์โมมิเตอร์ตุ้มแห้ง อีกอันหนึ่งเรียกว่าเทอร์โมมิเตอร์ตุ้มเปียก ซึ่งมีผ้ามัสลินที่เปียกน้ำหุ้มกระเปาะเทอร์โมมิเตอร์ไว้ น้ำในผ้าจะระเหยไปในอากาศที่อยู่รอบๆ การระเหยเกิดจากความร้อนแฝงในตุ้มปรอท ทำให้ปรอทหดตัว เทอร์โมมิเตอร์ตุ้มเปียกจึงมีอุณหภูมิต่ำกว่าเทอร์โมมิเตอร์ตุ้มแห้ง การระเหยของน้ำจากผ้ามัสลินมีส่วนสัมพันธ์กับความชื้นของอากาศที่อยู่โดยรอบ ถ้าอากาศอิ่มตัวน้ำจะไม่ระเหย อุณหภูมิตุ้มเปียกกับตุ้มแห้งจะเท่ากัน ถ้าอากาศแห้งจะเกิดการระเหยของน้ำจากผ้ามัสลิน อุณหภูมิตุ้มเปียกจะต่ำกว่าอุณหภูมิตุ้มแห้ง ถ้าอุณหภูมิตุ้มเปียกมีค่าใกล้เคียงอุณหภูมิตุ้มแห้งมากเท่าใด แสดงว่าความชื้นสัมพัทธ์มีค่ามาก นำค่าผลต่างของอุณหภูมิกับอุณหภูมิที่วัดได้จากเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้งไปเปิดหาค่าความชื้นสัมพัทธ์เป็นร้อยละจากตาราง
       2.8 ไฮโกรมิเตอร์ (hygrometer) เป็นเครื่องมือวัดความชื้นอากาศแบบต่อเนื่องที่นิยมใช้กันมาก อุปกรณ์ที่สำคัญคือ เส้นผม ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามปริมาณความชื้นในอากาศ ถ้าความชื้นน้อยจะทำให้เส้นผมหดตัวสั้นลง ความชื้นมากเส้นผลจะขยายตัวยาวขึ้น การยืดหดตัวของเส้นผมจะส่งผลไปยังคันกระเดื่องซึ่งเป็นกลไกที่ต่อกับแขนปากกา ทำให้ปากกาที่อยู่ปลายแขนขีดไปบนกระดาษกราฟบอกความชื้นสัมพัทธ์ต่อเนื่องกันไป เครื่องไฮโกรมิเตอร์นี้อาจนำไปรวมกับเทอร์โมมิเตอร์ เรียกว่า เทอร์โมไฮโกรมิเตอร์
      




     2.9 มาตรวัดลม (anemometer) เป็นเครื่องมือวัดความเร็วของลม ที่นิยมใช้กันมากเป็นมาตรวัดลม แบบรูปถ้วย (cup annemometer) ประกอบด้วยลูกถ้วยทรงกรวย 3 หรือ 4 ใบ มีแขนยึดติดกันกับแกนซึ่งอยู่ในแนวดิ่ง และติดอยู่กับเครื่องอ่านความเร็ว ลูกถ้วยจะหมุนรอบเพลาตามแรงลม จำนวนรอบหมุนจะเปลี่ยนเป็นระยะทาง โดยมีหน่วยเป็นกิโลเมตรหรือไมล์ อ่านได้จากหน้าปัดของเครื่องอ่านความเร็ว 

2.10 เครื่องวัดฝน (rain gauge)เครื่องวัดฝนเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวัดปริมาณน้ำฝน โดยใช้อุปกร์ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก มีกรวยต่อภาชนะรองรับ ภายในปากภาชนะรองรับมีขนาดแคบและพอดีกับกรวยเพื่อลดการสูญเสียเนื่องจากการระเหย พื้นที่หน้าตัดของถังรองรับน้ำฝนมีขนาดตั้งแต่ 200-500 ตารางเซนติเมตร ปากถังมีลักษณะด้านในอยู่ในแนวตั้ง ส่วนด้านนอกจะลาดเอียงออกไป ด้านในของที่รับน้ำฝนถูกออแบบเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำฝนออกไปข้างนอก การวัดปริมาณน้ำฝนอาจใช้แวตวงหรือหย่อนไม้ที่มีมาตรวัดลงในขวดแก้วรับน้ำฝน





เที่ยวอเมริกา (อเมริกา ทัวร์)


ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีอากาศที่หนาวเย็น จนทำให้บุคคลภายนอกประเทศนิยมไปเที่ยวกัน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีมากมาย เราก็จะมายกตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมไปกันเช่น
1. น้ำตกไนแองการ่า ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดา
อเมริกา ทัวร์1
สถานที่ตั้ง บริเวณทะเลสาบทั้ง 5 ระหว่างประเทศสหรัฐ และ ประเทศแคนาดา น้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยว ที่ลือลั่นสนั่นโลก และเป็นแหล่งที่ทำเงินให้กับ แคนาดาและสหรัฐ ปีหนึ่ง ๆ นับจำนวนมหาศาล เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะ ร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตาม ภาพของน้ำตกไนแองการ่า ที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอเป็นผืนน้ำ ขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ใน แผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพ ของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า "แคนาเดี่ยนฟอลส์" ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า "อเมริกัน ฟอลส์"
2. สะพานโกลเดนเกต ซานฟรานซิสโก อเมริกา
เที่ยวอเมริกา1
สถานที่ตั้ง เมืองซานฟรานซิสโกอเมริกา
สะพานโกลเดนเกต เป็นสะพานแขวน ที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดข้ามอ่าวทางตอนเหนือ ของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างเป็นแบบโครงแขวน ตัวสะพานแขวนประกอบด้วย หอคอยเหล็กสองข้างข้างละ 215 เมตร ( 746 ฟุต) ใช้ ลวดเคเบิลที่โยงทอดเป็นตัวดึงน้ำหนัก สะพานมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 107,000 ไมล์ และยังมีเส้นลวดเล็ก ยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีช่วงกลางระหว่างตอม่อยาว 1.26 กิโลเมตร ส่วนริม 2 ฟาก ยาวข้างละ 34 เมตรสิรวมยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตรทมีส่วนกว้าง 27 เมตรธิเป็นสะพานแบบสะพานแขวนขนาดใหญ่ และยาวมากที่สุดสะพานแรกในยุคนั้น จนเป็นที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ผ่านไปมาชัและพบเห็นยิ่งนัก ยและเป็นแบบอย่างในการออกแบบสร้างสะพานแขวนแบบใหญ่และยาวมากขึ้นไปอีกในโอกาสต่อๆมา

3. ตึกเอ็มไพร์สเตต นิวยอร์ค สหรัฐ
ท่องเที่ยวอเมริกา1
สถานที่ตั้ง บนเกาะแมนฮัตตัน เมืองนิวยอร์ค สหรัฐ
ตึกเอ็มไพร์สเตต ใช้อิฐในการสร้าง 10 ล้านก้อน สูง 375 เมตร และลึกลงไปใต้ดิน จากระดับถนนอีก 10 เมตร แบ่งเป็น 102 ชั้น บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตรจากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 มีโครงเหล็กเสริมอย่างดี ชนิดไม่ขึ้นสนิม คิดเป็นน้ำหนัก 730 ตัน มีหน้าต่างทั้งหมด 6,500 บาน จุคนได้ 80,000 กว่าคน รับประกัน 6,000 ปี มีบริษัทใช้เป็น ที่เปิดทำการ 600 กว่าบริษัท ใช้ลิฟท์ขึ้นลง 65 เครื่อง เริ่มสร้างเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) สร้างเสร็จเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) 





4. เขื่อนยักษ์ฮูเวอร์ สหรัฐอเมริกา
เที่ยวอเมริกา2
เขื่อนฮูเวอร์ หรือ ทำนบโบลเดอร์ เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำโคโลราโดไว้ตลอดปี เพื่อป้องกันอุทกภัยในฤดูหนาว เพื่อการชลประทานในเขตนั้น สงวนพันธ์ปลา และเพื่อผลิตพลังไฟฟ้าอีกด้วย
ตัวเขื่อนฮูเวอร์ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กยาว ตัวทำนบสูง 218 เมตร ฐานข้างล่างกว้าง 198 เมตร สันทำนบข้างบนกว้าง 13.5 เมตร ยาว 385 เมตร ใช้คอนกรีต เฉพาะสร้างตัวทำนบ 3,250,000 ลูกบาศก์หลา และส่วนอื่น ๆ อีก 4,400,000 ลูกบาศก์หลา มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จากน้ำตก 17 เครื่อง ให้กำลังไฟฟ้า 1,835,000 กิโลวัตต์ เมื่อจะก่อสร้าง ใช้เวลาสำรวจถึง 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2447-2467 (ค.ศ. 1904-1924) เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) เสร็จเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) เมื่อปิดกั้นเขื่อนเต็มที่แล้ว เหนือเขื่อนขึ้นไปเกิดเป็นทะเลสาบยาวตามตามลำแม่น้ำถึง 115 ไมล์ มีบริเวณทั้งหมด 225 ตารางไมล์ เรียกชื่อทะเลสาบนี้ว่า ทะเลสาบมี๊ด ตามชื่อของมิสเตอร์มี๊ด อธิบดีกรมการฟื้นฟูที่ดินของ สหรัฐอเมริกาสมัยนั้น และเขื่อนฮูเวอร์ ก็ตั้งชื่อตามนามของ ประธานาธิบดีฮูเวอร์ ผู้ลงนามใน พ.ร.บ. โบลเดอร์ แคนยอน ให้สร้างเขื่อนนี้ได้ ความจริงเขื่อนที่มีขนาดใหญ่โตกว่าเขื่อนฮูเวอร์ก็มีอยู่แต่โดยทั่วไปยกย่อง ให้เขื่อนฮูเวอร์เป็นสิ่งก่อสร้าง อันน่ามหัศจรรย์ชิ้นแรกที่เอาชนะธรรมชาติอันร้ายแรงของน้ำท่วม และการกักเก็บน้ำให้เกิดเป็นทะเลสาบขึ้นมาได้ ซึ่งไม่เคยมีใครสร้างสำเร็จใหญ่โตมหึมาเช่นนี้มาก่อน
5. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ สหรัฐอเมริกา
อเมริกา ทัวร์2
สถานที่ตั้ง นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ หรือ รูปสแตทิวออฟลิเบอร์ตี้ เป็นอนุสาวรีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ "เสรีภาพ" ของคนอเมริกัน เป็นรูปสตรียืนสูงเด่นอยู่บนแท่นทรงสี่เหลี่ยมสูงที่ตั้งอยู่บนฐานกว้าง 3 ชั้นรองรับกลมกลืนอย่างดี ลดหลั่นกันลงไปอยู่เบื้องล่าง
ตัวเทพีสูง 152 ฟุต แขนแต่ละข้างยาว 42 ฟุต นิ้วชี้ยาว 8 ฟุต เล็บนิ้วยาว 10-13 นิ้ว ยืนอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมสูง 150 ฟุต ส่วนที่เป็นลำตัวทำด้วยทองแดงสีเขียวเทอร์คอยส์ ห่มผ้าครุยกรอมเท้า ที่ศรีษะสวมมงกุฏเป็นรัศมีเจ็ดแฉก มือขวาถือโคมไฟชูสูงขึ้นสุดแขน มือซ้ายประคองหนังสือที่ปกเขียนว่า "4 กรกฏาคม 1776" อันเป็นวันประกาศอิสรภาพของอเมริกา ไม่ขึ้นต่ออังกฤษอีกต่อไปและถือเป็นวันชาติสหรัฐมาจนทุกวันนี้
ด้านในตัวเทพีโปร่งเป็นโครงเหล็กที่ออกแบบและคำนวณ
โดยนายกุสตาฟไอเฟล วิศวกรชื่อดัง (ผู้สร้างหอไอเฟล) โดยแยกเป็นชิ้นส่วนบรรจุในลังทั้งหมดถึง 214 ลัง เมื่อนำมาต่อเป็นรูปร่างแล้วสูงถึง 302 ฟุต (วัดจากปลายคบไฟถึงปลายเท้า) ใช้แผ่นโลหะทองแดงในการหล่อ 32 ตัน รมสีเขียวทั้งตัวเทพี ด้านบนส่วนคบไฟติดตั้งระบบแสงไฟฟ้าสีเขียว 13,250 วัตต์ มีบันไดเวียนให้ผู้เข้าชมขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนส่วนที่เป็นมงกุฎของเทพี สิ้นค่าใช้จ่าย 700,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14,000,000 บาท
ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ขนาดเนื้อที่แค่ 12 เอเคอร์ (ราว ๆ 30 ไร่) ทำทางเดินขนาดใหญ่เข้าสู่ทางด้านหลังของอนุสาวรีย์ แล้วมีทางเดินรอบเลาะริมน้ำให้ชมได้ทุกมุมนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ถึงมงกุฏ หรือ ขึ้นถึงแค่ฐานสี่เหลี่ยมต่ำกว่าเท้าขององค์อนุสาวรีย์

6. แกรนด์แคนยอน อเมริกา
สถานที่ตั้ง มลรัฐอะริโซนา ประเทศ สหรัฐอเมริกา
ท่องเที่ยวอเมริกา2
แกรนด์แคนยอนถือเป็นความมหัศจรรย์ ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง ของโลกถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอนุรักษ์สถาน ของโลกโดยตามสภาพภูมิศาสตร์ และการลงมติของสหประชาชาติ สำรวจพบสถานที่แห่งนี้ เมื่อปี ค.ศ.1776 ปีเดียวกับที่อเมริกาประกาศเอกราช จากอังกฤษ แต่เพิ่งมารู้ว่ามีแม่น้ำโคโรลาโดไหล ผ่านในปี ค.ศ1857 แม่น้ำโคโลราโด ไหลจากทิศเหนือไปใต้สู่ทะเลสาบมี๊ด ระยะทางประมาณ 200 ไมล์ Grand Canyon ถูกจัด ให้เป็นวนอุทยานแห่งชาติของสหรัฐ  แกรนอ์แคนยอนเกิดขึ้นโดยอิทธิพล ของแม่น้ำโคโลราโด ไหลผ่านที่ราบสูงทำให้เกิดการสึกกร่อน พังทะลายของหินเป็นเวลา 225 ล้านปีมาแล้ว เดิมทีแม่น้ำโคโลราโดมีสภาพเป็นลำธารเล็กๆที่ไหลคดเคี้ยวไป ตามที่ราบกว้างใหญ่ที่อยู่ ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากแรงดันและ ความร้อนอันมหาศาลภายใต้พื้น โลกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูป และกลายเป็นแนวเทือกเขากว้างใหญ่ การยกตัว ของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธาร ไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตาม น้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยในเปลือกโลก วัดจากขอบลงไปก้นหุบเหวกว่า 1 ไมล์ ( ประมาณ 1,600 เมตร ) และอาจลึกว่าสองเท่า ของความหนาของเปลือกโลก ก่อให้เกิดหินแกรนิต หินชั้นแบบต่าง ๆ พื้นดินที่เป็น หินทรายถูกน้ำ และลมกัดเซาะ จนเป็นร่องลึกสลับซับซ้อนนานนับล้านปี เป็นแคนยอนงดงามน่าพิศวงเนื่อง จากผลของดินฟ้าอากาศ ความร้อนเย็นซึ่งมีอิทธิพลรอบด้าน
ทางตะวันตกของแม่น้ำโคโลราโด มีลักษณะคดเคี้ยวไปมาน่าสับสนและเป็นที่ตั้งส่วนหนึ่ง ของแกรนด์แคนยอนด้วย โดยยาวถึง 150-200 ไมล์ บริเวณนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ มากที่สุดจุดหนึ่ง ซึ่งก็คงเป็นเพราะทัศนียภาพที่แปลกตาของความลึกของหุบเขาและลักษณะของ แม่น้ำที่มีรูปร่างทรงกรวยและไหลเป็นหลั่น ๆ ชั้นลงไปโดยเกิดจากลาวาที่ทับถมจากภูเขาไฟเมื่อหลาย ล้านปีก่อนนั่นเอง บริเวณหน้าผาของแกรนด์ แคนยอน แม่น้ำโคโลราโดได้เดินทางมาบรรจบ กับแม่น้ำ"เวอร์จิน" ซึ่งเป็นที่ตั้งของทะเลสาบ "มี๊ด" ด้วยจุดนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดสิ้นสุดของ
แกรนด์ แคนยอนเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดสำคัญทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่ง อย่างดีทั้งนี้เพราะสภาพบรรยากาศที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบ กับที่ราบสูงโคโลราโดทางตะวันออก 2 จุดนี้เป็นจุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของโครงสร้าง ภูมิศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์
ในทางใต้ของแม่น้ำสายนี้ จะเป็นทางลาดลงไปกว่า 3,000 ฟุต โดยเกิดจากดินทรายที่พัดพ ามาจากที่สูงแถบนี้เป็นที่ตั้งของที่ราบสูง "ตอนใต้" และห่างออกไป 70 ไมล์ก็เป็นที่ตั้งของช่องแคบ "อินเนอร์ กอร์จ"ที่เป็นรูปตัว "วี" แคบ ๆ และกว้าง 300 ฟุตนอกจากนี้สีสรรของสายน้ำก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย บางวันก็เป็นสีน้ำตาล บางวันก็เป็นสีเขียว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนของตะกอนที่พัดพามาแต่ละวัน
นอกจากนั้น ในบริเวณซอกหลืบของหุบเขาน้อยใหญ่ยังมีการค้นพบร่องรอยอารยธรรม ของชาวอินเดียน แดงโบราณ ซึ่งยังมีลูกหลานดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม และบางส่วนก็ยังคงอยู่ที่ แกรนด์แคนยอน จนถึงทุกวันนี้ เช่น อินเดียนแดงเผ่า Hopis, Havasupais, Navajos, Hualapais, Paiutes, Pueblos เป็นต้น ทุก ๆ ปีจะมีคนไปชมความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนไม่ต่ำกว่าสองล้านคน
7. วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ 
ทัวร์ อเมริกา3
สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่ในรัฐฟลอริดา ประเทศสสหรัฐอเมริกา วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ ที่ ออร์ลันโด รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐเป็น สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ถึง 30,000 เอเคอร์ ใช้งบประมาณพัฒนาถึง 400 ล้านดอลลาร์ ได้ต้อนรับคนรักสนุกครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1971 เวลาเปิดปิดสวนสนุก ชึ้นกับฤดูกาล เมื่อเข้าไปข้างในจะพบ ปราสาทเทพนิยายที่ตั้ง เด่นเป็นสัญลักษณ์ ดินแดนต่างๆ ตั้งแต่แอดเวนเจอร์แลนด์ ผจญภัยกับโจรสลัดแคริบเบียน ล่องเรือท่องป่าซาฟารี เครื่องเล่นสแปสชเมาเท่น รถไฟด่วนบิ๊กธันเดอร์ที่ฟรอนต์เทียร์แลนด์ สมอลล์เวิลด์อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ ดัมโบ้ช้างบิน เงือกน้อยแจกลายเซ็นที่แฟนตาซีแลนด์ และ ดินแดนแห่งอนาคตที่ทูมอโรว์แลนด์
แต่สวนสนุกที่ที่มีคนไปมากที่สุดในโลก คือ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ด้วยสถิตินักท่องเที่ยวมากถึง 17.80 ล้าน คนต่อปี มีพื้นที่เพียง 114.2 เอเคอร์เท่านั้น
8.ทำเนียบขาว (White House) ทำเนียบขาว หรือ ไวท์เฮาส์ (อังกฤษ: White House) สหรัฐอเมริกา
เที่ยวอเมริกา 3
เป็นบ้านอย่างเป็นทางการและ สถานที่ทำงานของประธานาธิบดีอเมริกา สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1792 ถึง ค.ศ. 1800 ด้วยหินทรายและ สีขาวในสไตล์จอร์เจียน ยุคหลัง และกลายเป็นที่อยู่อาศัยของ ประธานาธิบดอเมริกาทุกคนนับตั้งแต่ประธานาธิบด




9. Mount Rushmore ภูเขาแกะสลักรูปใบหน้า ของประธานาธิปดีของสหรัฐอเมริกา
อเมริกา ทัวร์4
ในรัฐ เซาท์ดาโคต้า เป็นจุดท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูด นักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมได้ มากกว่าล้านคนต่อปี
ภูเขาแกะสลักรูปใบหน้าของ ประธานาธิปดีสหรัฐถูกแกะสลัก
โดยนักแกะสลักชื่อ นาย Gutzom Borglum ในปี พ.ศ. 2470
จากซ้ายไปขวา : George Washington, Thomas Jefferson, Theodore Roosevelt และ Abraham Lincoln
George Washington เป็นประธานาธิบดีคนที่ 1 ของสหรัฐอเมริกา ได้รับการยกย่องจากคนอเมริกันให้เป็น บิดาแห่งประเทศอเมริกา ดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงปี พ.ศ. 2332 - 2340 Thomas Jefferson เป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของอเมริกา เค้าเป็นผู้ประพันธ์ คำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา เขาคือนักปราชญ์ นักการศึกษา นักธรรมชาตินิยม นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ สถาปนิก ช่างประดิษฐ์ ผู้บุกเบิกในกสิกรรม นักดนตรี นักเขียน ดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงปี พ.ศ. 2344 - 2352 Theodore Roosevelt หรือ Teddy Roosevelt เป็นประธานาธิบคนที่ 26 ของสหรัฐดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงปี พ.ศ. 2444 - 2452 Abraham Lincoln เป็นประธานาธิบคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นประธานาธิบดีที่ดีที่สุดของอเมริกาดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงปี พ.ศ. 2404 - 2408 จอห์น แอดัมส์ เจ้าของคนปัจจุบันคือนายบารัก โอบามา

10. Hollywood Walk of fame สหรัฐอเมริกา
ท่องเที่ยวอเมริกา 4
เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ของเมืองฮอลลีวู๊ดที่นักท่องเที่ยว จำนวนกว่า 10 ล้านคนต่อปี ต้องไปเยี่ยมชม เพราะว่าตลอดเส้นทางกว่า 15 บล็อก บนถนน Hollywood Boulevard และ อีก 3 บล็อกของถนน Vine Street รวมเป็นระยะทางราวๆ 2.1 กิโลเมตร จะมีชื่อของศิลปินที่มีชื่อเสียง รวมถึง นักแสดง นักร้อง ผู้กำกับภาพยนตร์ หรือ แม้แต่ตัวการ์ตูนที่มีชื่อเสียงอย่างมิคกี้เมาส์ สลักอยู่ในรูปดาว สีชมพู เรียงรายอยู่บนทางเดินสีดำ และ แน่นอนล่ะครับ แต่ละคนต้องมีดารา นักร้อง หรือ ศิลปิน ในดวงใจกันอยู่แล้ว และ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ต้องทำกันแน่ๆ ก็คือ การเดินหาดวงดาวที่มีชื่อของศิลปินคนโปรดสลักอยู่ และ ถ่ายรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก
11. Hollywood Sign สหรัฐ
ตัวอักษรภาษาอังกฤษสีขาว 9 ตัว แสดงชื่อเมือง Hollywood ขนาดใหญ่ ตั้งโดดเด่นบนเนิน Hollywood Hills ส่วนหนึ่งของ เทือกเขา Mount Lee เป็นจุดถ่ายรูปที่ นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ได้ไปเยือน Hollywood จะต้องเก็บภาพแบบใกล้ชิดที่สุด มาไว้เป็นที่ระลึกให้ได้

12. มลรัฐฮาวาย หรือเกาะฮาวายดินแดนในฝันที่ใครๆต่างใฝ่ฝัน อเมริกา
อเมริกา ทัวร์5
ฮาวายได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคู่รักที่ ต้องการบรรยากาศที่ แสนโรแมติคในการฉลองการแต่งงาน และนอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยว อีกจำนวนมากที่หลงๆไหลในความงาม ของหาดทรายท้องทะเลอันสวยงาม ฮาวายจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ที่มี นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวน มากค่ะโคนา เมืองหลวงของเกาะฮาวาย (THE BIG ISLAND) เกาะที่ใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะฮาวาย ซึ่งเป็นแหล่งอารยธรรมดั้งเดิมของฮาวาย เป็นเกาะที่มีความหลากหลายและตรงกัน ข้ามกันอย่างมากที่สุด 
พระราชวังอิโอลานี พระราชวังของกษัติรย์ผู้ครองเกาะฮาวายในสมัยก่อนและเป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียวที่ มีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ชม อนุสาวรีย์พระเจ้าคาเมฮาเมฮา กษัติรย์ผู้รวบรวมชนเผ่าต่าง ๆ ในหมู่เกาะฮาวายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน 
- พันช์โบล์ว สุสานของเหล่าทหารอเมริกันที่พลีชีพในสงคราม ต่าง ๆ รวมถึงนักบินอวกาศชมความงดงาม 
-หาดไวกิกิ หาดทรายขาวยาวเหยียดบนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่คนทั่วโลกต่างฝันจะมาเยือน 

13. ยูนิเวอร์เซล สตูดิโอ Universal studio สหรัฐ
เที่ยวอเมริกา5
ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ขึ้น ชื่อของลอสแองเจลิส (แคลิฟอร์เนีย) ตั้งอยู่ที่ Hollywood Town ใน แคลิฟอร์เนีย นอกจากนั้นยังกระจายครอบคลุมทุกมุม โลกคือ Universal Studio Japan ที่โอซากา และ Universal Mediterranean ที่สเปน ซึ่งแต่ละที่มี VIP Studio Tour ให้เข้าชมเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ ดังแต่ละฉาก ตั้งแต่ในเวที Soundstages ฉาก Backlot streets และ Special Effects ทั้งหลาย นอกจากนั้นยังมีสวนสนุก บ้านผี จากหนังสยองเรื่อง Mummy เรื่อง Fortress Dracula เรื่อง Jurassic Park และ Terminator เป็นต้น

14. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา อเมริกา
ท่องเที่ยวอเมริกา5
"เดอะเวฟ" คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัว ในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก เนื่องจาก พื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละ ไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้



15. ลาสเวกัส ( Las Vegas) สหรัฐอเมริกา
อเมิกา ทัวร์6
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมลรัฐเนวาดาสหรัฐอเมริกาเป็นสถาณที่ที่ชาวอเมริกันและคนทั่วโลก ให้ฉายาว่า "เมืองแห่งบาป" (Sin City) หรือ นักเขียนบางคนให้ชื่อว่าเป็น "America's Playground" หรือสนามเด็กเล่นของสหรัฐลาสเวกัสเป็นสถาณที่ที่มีลักษณะพิเศษ เพราะเมืองทั้งเมืองเจริญเติบโตขึ้น มาจากความก้าวหน้าของกิจการการพนัน เป็นแรงดึงดูดหลักให้นักท่องเที่ยว หลั่งไหลเข้ามา ต่อมาก็ได้พัฒนาไปสู่ธุรกิจบริการ ใกล้เคียง ได้แก่ โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความโอ่อ่าอลังการ และขนาดใหญ่มากกว่าที่อื่นในโลก จะหาได้ค่อนข้างยากที่จะมีบ่อนการพนัน และโรงแรมมารวมตัวกันอย่างแน่นหนา ในบริเวณใกล้เคียงกันเหมือนกับเมืองลาสเว กัส แห่งนี้ โดยในที่สุด ปัจจุบันนี้ คนไปเที่ยวลาสเวกัสไม่ได้เป็นเพราะ ต้องการที่จะไปเล่นการพนันหรือไปดื่มกิน ให้สนุกเป็นหลักอีกต่อไป แต่ไปเพื่อได้เห็นลักษณะอันพิเศษของเมืองนี้

16.West Potomac Park (U.S. national park) สหรัฐอเมริกา
- อนุสาวรีย์วอชิงตัน (อังกฤษ: Washington Monument)
เที่ยวอเมริกา6
เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐ ตั้งอยู่ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา มีลักษณะเป็นแท่งโอเบลิสก์ ทำด้วยหินอ่อน  หินแกรนิต และหินทราย สูง 555 ฟุต 5 ½ นิ้ว (169 เมตร) เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในวอชิงตัน ดี.ซี. ออกแบบโดยโรเบิร์ต มิลส์ สถาปนิกในยุคนั้น เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1848 แต่กว่าจะสร้างเสร็จก็ล่วงเข้ามาจนถึงปี ค.ศ. 1884 ใช้เวลาสร้างนานถึง 36 ปี เนื่องจากเงินบริจาคหมด ประกอบกับเกิดสงครามกลางเมืองอเมริกา ได้ทำพิธีเปิดอย่าง เป็นทางการเมื่อ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1888 ใช้หินไป 36,491 ก้อน หนัก 90,854 ตัน ใช้เงินไปทั้งสิ้น 1,187,710 เหรียญสหรัฐ ข้างบนเป็นจุดชมวิว มีลิฟต์และบันได 897 ขั้น หินแต่ละก้อนที่นำมาสร้างบันไดในอนุสาวรีย์ได้มา จากที่ต่างๆทุกรัฐของอเมริกาและจากการบริจาคจากองค์กรเอกชนและรัฐบาลมิตรประเทศ ต่างๆของอเมริกา อาจเรียกว่าเป็นหินนานาชาติ
- Lincoln Memorial
ท่องเที่ยวอเมริกา6
เป็นอาคารหินอ่อน ที่สร้างและตามศิลปะแบบกรีก ประกอบด้วยเสาดอริก 38 เสา ที่หมายถึง 38 มลรัฐ ซึ่งรวมกันเป็นประเทศสหรัฐในสมัยที่ลินคอล์นดำรง ตำแหน่งประธานาธิบดี ภายในเป็นอนุสาวรีย์หินอ่อนของประธานฯ ลินคอล์นนั่งบนเก้าอี้ ผนังด้านซ้ายจารึกสุนทรพจน์ของท่าน ลินคอล์นเป็นผู้มีคำสั่งให้เลิกทาส และเป็นการเลิกทาสที่นองเลือดรุนแรง แต่สุดท้าย ก็จบชีวิตด้วยการถูกลอบสังหาร อนุสรณ์สถานแด่ผู้ยิ่งใหญ่ รัฐบุรุษที่คนทั้งอเมริการัก และเคารพ สัญลักษณ์ของความกล้า ความรักชาติ ความเป็นอเมริกัน อนุสาวรีย์อับราฮัม ลินคอล์น จุดเริ่มต้นตำนานความรักชาติ เครื่องหมายเพื่อเชิดชูเสรีภาพ วีรกรรมที่ต่างต้องยกย่อง สุนทรพจน์ คำปราศรัยแห่งประวัติศาสตร์ ถูกรวบรวมผ่านจิตรกรรมฝาผนังภายในอนุสาวรีย์ลินคอล์น ที่สุดท้ายแห่งการรำลึกถึง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความรู้สึก อารมณ์ส่วนลึกที่เขามีต่อประเทศ ต่อประชาชน และต่อความเสมอภาค
- The U.S. National World War II Memorial
อเมิรกา ทัวร์7
เยื้องๆอนุสาวรีย์วอชิงตัน จะมองเห็นอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2  อยู่ไม่ไกล อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงทหาร และพลเรือนชาวอเมริกันที่เข้าร่วมรบ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2
ตั้งอยู่ในส่วนที่เคยเป็น Rainbow Pool อยู่ทางด้านทิศตะวันออกสุดของ
Reflecting Pool หรือระหว่าง Washington Monument และ Lincoln Memorial รูปร่างของอนุสาวรีย์ประกอบไปด้วยเสาจำนวน 56 ต้น และกำแพงโค้ง 2  กำแพงซึ่งล้อมรอบลานกว้าง และน้ำพุกลางลานอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 แห่งนี้เพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เอง และเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมในวันที่ 29 เมษายน 2004