วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นโยบาย 2P2R

นโยบาย 2P2R การแก้ปัญหาท่วมแบบน้ำเน่า “บางระกำโมเดล” พูดแล้วฟังดูดี แต่หามีวิธีช่วยชาวบ้านได้จริงไม่ เฮ้อ!!!  ริอาจจะทำข้อสอบ ตีโจทย์ยังไม่แตกเลย
 
คงจะได้ยินกันหนาหูในช่วงนี้ 2P2R  ในการแก้ปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ รัฐมนตรี ซึ่งถ้าถามชาวบ้านว่า  2P2R  คืออะไร ชาวบ้านก็คงจะหน้างงๆ แล้วก็ตอบว่า “ไม่ทราบ” แม้แต่ผมเองที่เห็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ ก็ต้องเสียเวลาค้นหา อยู่นานกว่าจะได้คำตอบที่มาที่ไปของความหมาย คืออะไรกันแน่ สรุปแล้ว 2P2R คือ 
1) การเผชิญเหตุที่ดี (Response) เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าขบวนการที่ดึงพื้นที่อำเภอบางระกำ หรือ บางระกำโมเดล ได้มีการช่วยเหลือ และเยียวยาอย่างรวดเร็ว
2) การเยียวยาฟื้นฟู (Recovery) เร่งฟื้นฟู ช่วยเหลือเยียวยาดูแลสุขภาพ เยียวยาเรื่องพื้นที่เกษตรกรรมที่เสียหาย
3) การป้องกันที่ยั่งยืน (Prevention) การวางแผนระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาซึ่งคือที่มาของการประชุมในครั้งนี้เพื่อเป็นการบูรณาการทั้งประเทศ
4) การเตรียมความพร้อม (Preparation) ป้องกันภัยน้ำท่วมหรือภัยแล้งที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมป้องกันล่วงหน้าทุกขั้นตอน 
อ่านจากแนวคิดความหมาย 2P2R ข้างต้นแล้วดูดีใช่ไหมครับ ? แถมยังมีอีกคำที่สวยหรูอีกคำหนึ่งคือ “one stop service” 
แต่เท่าที่ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วม “แบบบูรณาการ” ของรัฐบาล โดยการนำของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงคืบหน้าอะไรขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น “ชาวบ้านบางระกำ” ที่เป็นต้นแบบโครงการ ก็ยังจะต้องทนทุกข์ ระกำใจ อยู่เหมือนเดิม
ที่เกิดขึ้นจริง!!!
ความคืบหน้าในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในอำเภอบางระกำ ตามโมเดลบางระกำ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน และเป็นรูปธรรมที่สุดในตอนนี้ ก็คือ มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการขึ้นที่ว่าการอำเภอบางระกำ โดยจะทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน และเป็นศูนย์ช่วยเหลือ
“บางหมู่บ้านในอำเภอบางระกำ มี 200 กว่าหลังคาเรือน ตกสำรวจมากถึง 98 หลังคาเรือน คนนอกมองว่าบางระกำชาวบ้านสบายเพราะเป็นต้นแบบของการแก้ปัญหา แต่แท้ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่”

แผนการบูรณาการในเรื่องการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำ ยังคงอยู่ในขั้นของการเตรียมการ โดยทุกภาคส่วนได้อยู่ระหว่างการประชุม เพื่อกำหนดแนวทางไปสู่การปฏิบัติให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะแนวทางในการผันน้ำตามนโยบายทางด่วนน้ำ หรือ วอเตอร์เวย์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการบังคับน้ำที่หลากมาจากภาคเหนือ ผ่านแม่น้ำยม ผ่านบริเวณคลองหกบาท ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการระบายน้ำจากอำเภอบางระกำลงสู่แม่น้ำน่านได้ดียิ่งขึ้น
น้ำท่วมชาวบ้านมาเป็นเวลา 1-2 เดือน รัฐบาล ก็ยังประชุมกันยังไม่เสร็จ”
“มีผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เริ่มเกิดภาวะเครียดและเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นเนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมขังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง เพราะน้ำในแม่น้ำยมสูงกว่าตลิ่งเกือบ เมตร   และยังหลากเข้าท่วมบ้านเรือนจนชาวบ้านต้องอพยพขึ้นที่สูง และอยู่กันอย่างยากลำบาก”
“มีประชาชนได้รับผลกระทบ  อำเภอ 83 ตำบล 652หมู่บ้าน ถนนได้รับผลกระทบ 32 สาย  พื้นที่ทางการเกษตร 321,001ไร่ บ้านพังเสียหาย หลัง โรงเรียน แห่ง ประชาชนได้รับผลกระทบ21,940 ครอบครัว 77,242 คน มีผู้เสียชีวิต ราย จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข หลังจากได้ดูแลและเข้าไปรักษาประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมในเขต อ.บางระกำ 1,464 ราย พบว่ามีอาการซึมเศร้า 379ราย และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 29 ราย”

สำหรับแก้ปัญหาที่มี นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งหัวโต๊ะ ก็คงยังไม่มีอะไรคืบหน้าอะไร คงมีแต่คำพูดหวานๆ ถึงวันนี้ก็ยังท่องโพยอยู่ว่า”ต้องการให้ทุกหน่วยงานได้ร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบและเป็นวาระแห่งชาติเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขแบบบูรณาการการป้องกันอุทกภัย เร่งสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานและฝ่ายปฏิบัติต่างๆ วัตถุประสงค์คือการแกไขปัญหาอย่างเป็นระบบททั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว ซึ่งแนวทางในการทำงานนั้นต้องหาจุดที่ว่าทำอย่างไรจึงจะแก้ไขปัญหาอุทกภัยได้ในลักษณะวันสต๊อปเซอร์วิส ด้วยการเร่งให้ความช่วยเหลือ การฟื้นฟู และการดูแลทั้งระยะสั้นและระยะยาว”
  
แต่สำหรับการแก้ปัญหาก็ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นรูปธรรมขึ้นมา หรือความหมายของคำว่า “วันสต็อปเซอร์วิส” ของท่านนายกฯ คือ “หยุดอยู่ที่ทำเนียบจุดเดียว” สาระวนอยู่กับการล้างบางข้าราชการ ที่ไม่ใช่พวกพ้อง ปล่อยให้ชาวบ้านเผชิญชะตากรรมตามลำพัง  ขนาดชาวบ้าน “บางระกำ” ที่เป็นต้นแบบของการแก้ปัญหา เป็นข่าวใหญ่ ผู้คนสนใจ ยังไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร แล้วจะหวังอะไรกับที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ “โมเดล” ได้อีกครับ !!

ขอบคุณภาพ จาก http://www.komchadluek.net
ขอบคุณข้อมูล จาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น