วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นอสตราดามุส เมืองไทย

โสรัจจะ นวลอยู่

ภัยพิบัติจะเกิดทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลกระทบหนัก
นาย โสรัจจะ นวลอยู่ นอสตราดามุส เมืองไทย เคยพยากรณ์เอาไว้ว่า  การโคจรของดวงดาวในปีเถาะ  2554  นี้ เป็นสิ่งวิปริตผิดอาเพศมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างใหญ่หลวง
ปี  2554  นี้ ทางการเมืองที่ว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์นั้นยังถือว่าน้อยกว่ามหัตภัยที่ใหญ่ กว่ามากหลายร้อยเท่าตัว ก็คือ จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติสุดมหาหฤโหดไปทั่วโลก  ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทุกสิ่งทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“น้ำในแม่น้ำและคลองทั้งปวงจะแดงเป็นโลหิต  เมฆและท้องฟ้าจะแดงเป็นแสงไฟ  แผ่นดินไหวสั่นสะเทือน  ฤดูหนาวจะเป็นฤดูร้อน  ที่ลุ่มจะกลับดอน ที่ดอนจะกลับลุ่ม  โรคภัยจะเบียดเบียนสัตว์และมนุษย์ทั้งปวง  มนุษย์หนึ่งในสี่ของโลกจะพลันตายลง  จะเกิดข้าวยากหมากแพง ฝูงมนุษย์จะอดอยาก  เสื้อเมืองทรงเมืองจะหลีกเลี่ยง”
แต่ยังไม่ถึง “วันสิ้นโลก” ในวันที่ 12   ธ.ค. 2555  แค่ในปี  2554  นี้ก็อ่วมอรทัยไปซะก่อนแล้ว
การโคจรของดวงดาวและดาวพระเคราะห์ในปีนี้ไม่เป็นไปตามกำหนด จัดเป็นวิกล จะเกิดแผ่นดินไหว กัมปนาทไปทั่ว เหมือนแผ่นดินจะแตกแยกออกทุกหัวระแหง
ทั่วโลกจะถูกทำลายด้วยไฟประลัยกัลป์  ฝนจะตกเป็นเวลายาวนาน ความแห้งแล้งจะแผ่ขยายไปในวงกว้างมากขึ้น จะเกิดทะเลทรายขนาดใหญ่ไปทั่ว  มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ทั้งหลายจะเหี่ยวแห้งและตายเป็นจำนวนมาก
จากการลิขิตจากดวงดาวในอนาคตที่โลกจะสิ้นสูญไป โลกเราคงไม่แตกสลายหรือสิ้นไปจากอุกาบาตพุ่งชนโลกหรอก  แต่จะเกิดจากไฟของมนุษย์เรานี่เอง
ไฟที่ว่านั้นก็คือไฟแห่งกิเลสตัณหา กำลังแผดเผาไหม้ให้ย่อยยับไปทุกๆ วันเวลา
เพราะในปัจจุบันมนุษย์ในโลกนี้เต็มไปด้วยการทำความชั่วและเต็มไปด้วยสิ่ง เลวร้าย  การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น กอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง  ขาดความรักความเมตตาที่มีต่อกันและต่อสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง  และมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ  ดังนั้นจะถูกธรรมชาติและสวรรค์ลงโทษอย่างมหันต์อีกเช่นกัน
เพราะจากปี 2554  เป็นต้นไป ดวงดาวจะเดินผิดปกติไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  ทางโหราศาสตร์ไทยสามารถตีความหมายไปได้ อย่างเช่น
ในปี 2554  นี้ เมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ในซีกโลกตอนเหนือเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นทะเลยักษ์ จะฆ่าชีวิตคนเป็นล้านคน
ดาวเสาร์ตั้งฉากกับพระราหูและพระราหูตั้งฉากกับมฤตยู จะทำให้ท้องฟ้าจะแปรปรวน ดวงอาทิตย์ ดวงดาว จะไม่ส่องแสงเหมือนเคย ลมฟ้าอากาศวิปริตและโลกจะร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว
อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ของโลก บ่งชี้ว่าสภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นรวดเร็ว ประกอบกับธารน้ำแข็งใหญ่บริเวณขั้วโลกเหนือละลายเร็วขึ้น ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในทุกๆ ที่ และเกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกครั้งใหญ่  เกิดภัยพิบัติต่อประชากรมนุษย์และระบบนิเวศ
อิทธิพลจากการที่ดาวเสาร์เล็งมฤตยูปีนี้จะทำให้เกิดการพลิกตัวของแกนโลก จากเดิมไปเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลก กับสภาพแวดล้อมต่างๆ ของโลก อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงและฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่เราไม่สามารถระบุฤดู กาลลงไปได้อย่างแน่นอนกันอีก สภาพอากาศและฤดูกาลผิดเพี้ยนไปหมด ประเทศไทยที่เคยร้อนก็กลับมีอากาศหนาวเย็นจนหิมะตกลงมา
อิทธิพลของดวงดาวทั้งสอง ยังส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ สลับขั้วกันระหว่างพื้นที่ที่เคยฝนตกชุกก็จะเกิดความแห้งแล้ง  ส่วนพื้นที่ที่เคยแห้งแล้งนั้นก็จะกลับมีฝนตกชุก สร้างความเสียหายกับพื้นที่เพาะปลูก นำมาซึ่งอุทกภัยยาวนานตลอดทั้งปี  2554  นี้ หรือไม่ก็เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งซึ่งนำความอดอยาก ทำให้ผู้คน เด็ก ผู้หญิง ต้องหิวโหยและล้มตาย
ในปีเถาะสุดโหดจะ เกิดปรากฏการณ์ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่ม และคลื่นยักษ์สึนามิบ่อยครั้ง และถี่มากขึ้นกว่าที่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ทางภูมิศาสตร์ของโลก ตั้งแต่  1, 000  ปีที่ผ่านมาก็ว่าได้
น้ำแข็งบริเวณทวีปอาร์กติก และแอนตาร์กติกา จะเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว คือในปี   2554  นี้ ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นจำนวนมากและเพียงพอที่จะทำให้เมืองใหญ่ๆ ตามชายฝั่งทะเลทั่วโลกจมอยู่ใต้น้ำได้ รวมถึงประเทศไทยจะเริ่มมีน้ำท่วมเกิดจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย และเข้าท่วมมาถึงกรุงเทพฯ  บางส่วนเป็นนครใต้บาดาลชั่วนิจนิรันดร์
และในอนาคตไม่กี่ ปีข้างหน้า กรุงเทพฯ และทั่วทุกภาคทุกจังหวัดจะถูกน้ำท่วมไปหมด ที่เกิดจากน้ำทะเลไหลทะลักเข้ามาและเกิดจากอุทกภัยอีกหลายครั้งจนต้องอพยพ ผู้คนหนีน้ำขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ เกือบสุดเขตแดนไทย  เมื่อนั้นคนไทยก็คงไร้สิ้นแผ่นดินได้?

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น