วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเกิดช่องโหว่ของชั้นโอโซนและปรากฏการณ์เรือนกระจก




การเกิดช่องโหว่ของชั้นโอโซน
การที่ขนาดของรูโอโซนเริ่มปรากฏว่ามีความคงที่เป็นครั้งแรกก็แสดงให้เห็นว่า มาตรการลดการผลิต Chlorofluorocarbon(CFC) เริ่มปรากฏผลในทางที่ดีให้เห็นได้เป็นครั้งแรกเนื่องจาก CFC สามารถทนอยู่ในบรรยากาศได้เป็นเวลานานมากแม้เราตัดการผลิตทั้งหมดบนโลกอย่างปุบปับวันนี้ กว่าจะเห็นผลที่แท้จริงก็ต้องเป็นลาอย่างน้อยๆเป็นสิบปีขึ้นไป 
หากเราสามารถรักษามาตรการลดการผลิต CFC ไปเรื่อยๆแล้วขนาดของรูโอโซนคงจะเริ่มหดตัวลงในไม่ช้านี้เป็นแน่หากไม่มีเหตุการณ์สุดวิสัยทางธรรมชาติ เช่นการระเบิดภูเขาไฟ ที่พ่นละอองของเหลวเล็กๆที่เรียกว่า aerosol ขึ้นไปในบรรยากาศเป็นจำนวนมากจนไปช่วยเพิ่มอัตราการทำงานโอโซนในธรรมชาติเราก็คงจะได้เห็นการฟื้นตัวของโอโซนอีกในไม่นานเกินรอ

 รูโหว่โอโซนไม่ได้ทำให้น้ำในโลกระเหยออกไปแต่โอโซนทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้รังสีที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์ตกมาถึงโลกมากเกินไปทำหน้าที่กรองรังสีอุลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ออกไป 99% ก่อนถึงพื้นโลกถ้ามีรูโหว่แสงอาทิตย์ก็จะส่องลงมายังพื้นโลกได้มากขึ้น หากร่างกายมนุษย์ได้รับรังสีนี้มากเกินไปจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ส่วนจุลินทรีย์ขนาดเล็ก เช่น แบคทีเรีย จะถูกฆ่าตายที่เราเรียกว่ารูโอโซน คือระดับที่ต่ำของปริมาตรโอโซนในบรรยากาศการสูญเสียโอโซนในบรรยากาศระดับสูง เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงเพราะว่าโอโซน ช่วยดูดซับรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกจะทำให้ผิวหนังของมนุษย์มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง สูงขึ้นรูรั่วของโอโซนมีผมต่อจุลินทร์ชีพถ้าจุลินทรีตาย ก็เรื่องใหญ่มาก ห่วงโซ่อาหารขาดสะบั้นมนุษย์คงจะมีปัญหาในการดำรงชีพแน่นอน

ปรากฏการณ์เรือนกระจก

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก( GREENHOUSE EFFECTเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือก่อมลพิษทางอากาศ ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนซึ่งปกป้องผิวโลกก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนอันเนื่องมาจากอุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกสูงขึ้นและการทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนนี่เองที่มีการตรวจพบล่าสุดว่าเกิดรูโหว่ของชั้นบรรยากาศโอโซน ที่เรียกว่า"รูโอโซน" ขยายตัวเป็นวงกว้างถึง27.4 ล้านตารางกิโลเมตรเปรียบเทียบให้ดูง่ายๆคือคงจะใหญ่กว่าประเทศไทยถึง60เท่า
 ปรากฏการณ์เรือนกระจก  คือกระบวนการที่เกิดจากการแผ่รังสีอินฟราเรดโดยบรรยากาศแล้วทำให้พื้นผิวโลกร้อนขึ้นชื่อดังกล่าวมาจากการอุปมาที่คลาดเคลื่อนว่าเป็นการเปรียบเทียบอากาศที่อุ่นกว่าภายในเรือนกระจกกับอากาศที่เย็นกว่าภายนอก (ความจริงในอวกาศไม่มีอากาศ) โจเซฟ ฟูริเออร์เป็นผู้ค้นพบปรากฏการณ์เรือนกระจกเมื่อ พ.ศ.2367และสวานเต อาร์เรเนียส (SvanteArrheniusเป็นผู้ทดสอบหาปริมาณความร้อนเมื่อ พ.ศ. 2439
อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 14 °C จะเย็นเท่ากับ-19 °C หากโลกปราศจากปรากฏการณ์เรือนกระจก.ปรากฏการณ์โลกร้อน หรือการร้อนขึ้นของปรากฏการณ์โลกร้อนจากที่เป็นอยู่เดิมของบรรยากาศชั้นล่างของโลกเมื่อเร็วๆนี้ เชื่อกันว่าเป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ นอกจากโลกแล้ว ดาวอังคาร และดาวศุกร์ ก็มีปรากฏการณ์โลกร้อนเช่นเดียวกัน




                                            http://www.thaigoodview.com/node/68528

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น